วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิเคราะห์-วิจารณ์ คู่ชิงชนะเลิศ ยูโร 2012 สเปน-อิตาลี


วิเคราะห์-วิจารณ์ คู่ชิงชนะเลิศ ยูโร 2012 สเปน-อิตาลี

ศึกฟุตบอลยูโร 2012 เดืนทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว โดยเป็นการพบกันระหว่าง สเปน กับ อิตาลี ความพร้อมของทั้งสองทีมจะเป็นอย่างไรนั้นไปติดตามได้จากการวิเคราะห์-วิจารณ์

วิเคราะห์-วิจารณ์ คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูโร 2012
วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฏาคม 2555

สเปน-อิตาลี
สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงเคี๊๋ยฟ ยูเครน
ผู้ตัดสิน : เปโดร โพรเอ็นก้า (โปรตุเกส)
เวลาคิกออฟ : 01.45 น.

สถิติการเจอกัน สเปน- อิตาลี
สเปน : ชนะ 7 เสมอ 11 แพ้ 8
อิตาลี : ชนะ 8 เสมอ 11 แพ้ 7


10 มิ.ย.2012 สเปน v อิตาลี 1-1 ยูโร รอบแบ่งกลุ่ม
10 ส.ค.2011 อิตาลี v สเปน 2-1 อุ่นเครื่อง
22 มิ.ย.2008 อิตาลี v สเปน 0-0 (2-4 จุดโทษ) ยูโร รอบ 8 ทีม
26 มี.ค.2008 สเปน v อิตาลี 1-0 อุ่นเครื่อง
28 เม.ย.2004 อิตาลี v สเปน 1-1 อุ่นเครื่อง
29 มี.ค.2000 สเปน v อิตาลี 2-0 อุ่นเครื่อง
18 พ.ย.1998 อิตาลี v สเปน 2-2 อุ่นเครื่อง
9 ก.ค. 1994 อิตาลี v สเปน 2-1 ฟุตบอลโลกรอบ 8 ทีม
14 มิ.ย.1988 อิตาลี v สเปน 1-0 ยูโร รอบแบ่งกลุ่ม
12 มิ.ย.1980 อิตาลี v สเปน 0-0 ยูโร รอบแบ่งกลุ่ม
21 ธ.ค.1978 อิตาลี v สเปน 1-0 อุ่นเครื่อง
25 ม.ค. 1978 สเปน v อิตาลี 2-1 อุ่นเครื่อง
20 ก.พ. 1971 อิตาลี v สเปน 1-2 อุ่นเครื่อง
21 ก.พ. 1970 สเปน v อิตาลี 2-2 อุ่นเครื่อง
13 มี.ค.1960 สเปน v อิตาลี 3-1 อุ่นเครื่อง
28 ก.พ. 1959 อิตาลี v สเปน 1-1 อุ่นเครื่อง
27 มี.ค.1949 สเปน v อิตาลี 1-3 อุ่นเครื่อง
19 เม.ย.1942 อิตาลี v สเปน 4-0 อุ่นเครื่อง
1 มิ.ย.1934 อิตาลี v สเปน 1-0 ฟุตบอลโลกรอบ 8 ทีม รีเพลย์
31 พ.ค.1934 อิตาลี v สเปน 1-1 ฟุตบอลโลกรอบ 8 ทีม
19 เม.ย.1931 สเปน v อิตาลี 0-0 อุ่นเครื่อง
22 มิ.ย.1930 อิตาลี v สเปน 2-3 อุ่นเครื่อง
22 เม.ย.1928 สเปน v อิตาลี 1-1 อุ่นเครื่อง
29 พ.ค.1927 อิตาลี v สเปน 2-0 อุ่นเครื่อง
14 มิ.ย.1925 สเปน v อิตาลี 1-0 อุ่นเครื่อง
9 มี.ค.1924 อิตาลี v สเปน 0-0 อุ่นเครื่อง


ผลงาน 5 นัดหลังสุด
สเปน
27 มิ.ย. 2012    เสมอ    โปรตุเกส        0-0 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย
23 มิ.ย. 2012    ชนะ    ฝรั่งเศส        2-0 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย
18 มิ.ย. 2012    ชนะ    โครเอเชีย        1-0 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย
14 มิ.ย. 2012    ชนะ    ไอร์แลนด์        4-0 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย
10 มิ.ย. 2012    เสมอ    อิตาลี        1-1 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย

อิตาลี
28 มิ.ย. 2012    ชนะ    เยอรมนี        2-1 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย
24 มิ.ย. 2012    เสมอ    อังกฤษ        0-0 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย
18 มิ.ย. 2012    ชนะ    ไอร์แลนด์        2-0 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย
14 มิ.ย. 2012    เสมอ    โครเอเชีย        1-1 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย
10 มิ.ย. 2012    เสมอ    สเปน        1-1 (กลาง)    ยูโรรอบสุดท้าย




ความพร้อม

สเปน
บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ยังไม่ฟันธงว่าจะส่งใครลงยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า หลังจากที่ผ่านมาใช้งาน เชส ฟาเบรกาส,เฟร์นานโด ตอร์เรส และ อัลบาโร่ เนเกรโด้ สลับกันมา ซึ่งดูเหมือน เชส จะอยู่ในข่ายสตาร์ตมากที่สุด แต่หากมองในเรื่องระบบ ยังเป็น 4-3-3  ซึ่งใช้ ชาบี้ เอร์นานเดซ เป็นจอมทัพแดนกลาง และให้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์กับชาบี้ อลอนโซ่ เล่นขนาบข้างพร้อมตัดเกม ขณะที่ในแผงแบ๊กโฟร์ยังเป็น อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เซร์คิโอ รามอส, เคราร์ด ปิเก้ และฆอร์ดี้ อัลบา โดยไลน์อัพชุดนี้เพิ่งเสียไปแค่ประตูเดียวเท่านั้นใน 5 นัดที่ผ่านมา

ผู้เล่นบาดเจ็บ: -
ผู้เล่นโดนแบน: -


อิตาลี
อิตาลีพร้อมใช้งานนักเตะชุดฟูลทีมได้อีกครั้ง หลังจากได้คริสเตียน มาจโจ้ วิงแบ๊กขวา กลับมาจากโทษแบน ขณะที่อิ๊กนาซิโอ อบาเต้ แบ๊กขวาอีกคน ก็ฟิตกลับมาจากอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าเช่นกัน โดย เชซาเร่ ปรันเดลลี่ น่าจะเลือกเล่นในระบบ 4-4-2 หรือ 4-3-1-2  มากกว่า 3-5-2 เหมือนในเกมแรกที่พบกับสเปน ส่งผลให้  ดานิเอเล่ เด รอสซี่ จะขยับขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ในเกมนี้  ในแนวรุกจะยังใช้คู่กองหน้าตัวหลักอย่างอันโตนิโอ คาสซาโน่และมาริโอ บาโลเตลบี่ต่อไป โดยรายแรกนั้นพร้อมลงเล่นได้ตามเดิม แม้จะเจ็บเข่าในเกมกับเยอรมันจนต้องโดนเปลี่ยนตัวออกก็ตาม แต่ก็กลับมาลงซ้อมได้ตามปกติแล้ว ขณะที่รายหลังก็พร้อมลงลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวต่อไป

ผู้เล่นบาดเจ็บ: -
ผู้เล่นโดนแบน: -

ผู้เล่น 11 คนแรกตามคาด
สเปน (4-3-3): 1. อิเคร์ กาซิยาส; 17. อัลบาโร่ อาร์เบลัว 15. เซร์คิโอ รามอส 18 3. เคราร์ด ปิเก้. ฆอร์ดี้ อัลบา; 16. เซร์คิโอ บุสเก็ตส์,8. ชาบี้ เอร์นานเดซ,14. ชาบี้ อลอนโซ่; ; 21. ดาวิด ซิลบา 10. เชส ฟาเบรกาส 6. อันเดรส อิเนียสต้า

ผู้จัดการทีม: บิเซนเต้ เดล บอสเก้


อิตาลี (4-3-1-2): 1. จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน; 7. อิ๊กนาซิโอ อบาเต้ 15. อันเดรีย บาร์ซายี่ 3. จอร์โจ้ คิเอลลินี่; 6. เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ; 8. เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ,21. อันเดรีย ปิร์โล่;  16. ดานิเอเล่ เด รอสซี่; 18. ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว; 9. มาริโอ บาโลเตลลี่ 10. อันโตนิโอ คาสซาโน่

ผู้จัดการทีม: เชซาเร่ ปรันเดลลี่



คีย์แมนที่น่าจับตา
ชาบี้ เอร์นานเดซ (สเปน) - อันเดรีย ปีร์โล่ (อิตาลี)
จุดเด่นของทั้งคู่คือการเปิดบอลให้เพื่อนร่วมทีมอย่างแม่นยำเ แต่ด้าน ปีร์โล่ จะยืนในจุดที่ต่ำกว่า ชาบี้

อย่างไรก็ตามกับทัวร์นาเมนต์นี้ดูเหมือนว่าปีร์โล่ โดดเด่นกว่า  ชาบี้เจ้าของผู้เล่นยอดเยี่ยมเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และปีร์โล่ คือแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมที่ดวลจุดดทษชนะอังกฤษมา นอกจากนั้นยังมีส่วนสำคัญในการส่งเยอรมันร่วงรอบรองชนะเลิศ ชาบี้ แม้จะดูเงียบไปหน่อยในรายการนี้ แต่ก็ถือเป็นแกนหลักให้กับ "ขุนพลกระทิงดุ" ตบเท้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยมีลูกเปิดแบบคิลเลอร์พาสส์เป็นจุดตายพร้อมพิฆาตคู่ต่อสู้เสมอ


เกร็ดข้อมูลก่อนชมคู่ชิงชนะเลิศ
*สเปนจะกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ป้องกันแชมป์ยูโรได้ หากเอาชนะอิตาลีได้ในเกมนี้และจะกลายเป็นทีมแรกของยุโรปที่ได้แชมป์ทัวร์นาเมนต์หลัก 3 รายการติดด้วย
*สเปนเป็นทีมที่ 2 ของยุโรปที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์หลักได้ 3 รายการติดต่อกัน (ยูโร 2008, ฟุตบอลโลก 2010, ยูโร 2012) ต่อจากเยอรมันตะวันตก (ยูโร 72, ฟุตบอลโลก 1974, ยูโร 76)
*สเปนเก็บชัยชนะได้ถึง 75% ที่ลงเตะในนัดชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์หลัก (3 ใน 4 ครั้ง) ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ดีที่สุดร่วมของทีมในยุโรปที่เข้าชิงมากกว่าหนึ่งรายการเท่ากับฝรั่งเศส
*สเปน เข้าชิงรายการนี้เป็นครั้งที่ 4  (1964, 1984, 2008 และ 2012) ซึ่งทัพ ลา โรย่า แพ้เพียงครั้งเดียวในนัดชิงคือในปี 1984
*อิตาลี เข้าชิงชนะเลิศรายการนี้เป็นครั้งที่ 3  (1968, 2000, 2012)  โดยคว้าแชมป์ได้ครั้งเดียวในปี 1968
-หาก เฟร์นานโด ตอร์เรส ทำประตูได้ในเกมนี้จะกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูในนัดชิงถึง 2 ครั้ง
-นับเป็นครั้งที่ 4 ในยูโรที่ทีมที่พบกันมาก่อนในรอบแรกๆ ได้มาเจอกันอีกในนัดชิงชนะเลิศ ต่อจากเกมระหว่างฮอลแลนด์-สหภาพโซเวียต (1988), เยอรมนี-เช็ก (1996) และกรีซ-โปรตุเกส (2004)
*ทั้งสองทีมพบกันมาแล้ว 30 ครั้ง โดยอิตาลีมีสถิติเหนือกว่าที่ชนะ 10 ครั้ง ส่วนสเปนชนะ 8 และเสมอกัน 12 ครั้ง
*อิตาลียังไม่เคยแพ้สเปนในทัวร์นาเมนต์หลักมาก่อน (ไม่นับการยิงจุดโทษตัดสิน) โดยชนะ 3 เสมอ 4 แต่สเปนเป็นฝ่ายผ่านดวลจุดโทษชนะในยูโร 2008 รอบ 8 ทีมสุดท้าย 4-2 หลังเสมอกัน 0-0 ใน 120 นาที
*สเปนไม่เสียประตูเลยใน 900 นาทีหลังสุดที่ลงเตะในรอบน็อคเอาท์ของทัวร์นาเมนต์หลัก โดยสถิติดังกล่าวเริ่มต้นมาตั้งแต่เกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับอิตาลีในยูโร 2008
*อิตาลีเข้าชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์หลักมาแล้ว 9 (ยูโร 3 ครั้ง, ฟุตบอลโลก 6 ครั้ง) และชนะได้ 63% (5 ครั้ง)
*อิตาลีเป็นเพียงทีมเดียวที่ยังไม่เคยเป็นฝ่ายตามหลังเลยในยูโรครั้งนี้
*เชซาเร่ ปรันเดลลี่นำอิตาลีพบกับสเปนมาแล้ว 2 ครั้งนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง และยังไม่เคยแพ้เลย โดยเขานำทีมชนะ 2-1 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อเดือนสิงหาคม 2010 ก่อนจะเสมอกัน 1-1 ในนัดแรกของทั้งคู่ในยูโรครั้งนี้
*สเปนมีสถิติเกมรับที่ดีที่สุดในยูโรครั้งนี้ โดยเสียไปแค่ประตูเดียว และในสองนัดหลังสุดที่ลงสนาม พวกเขาก็โดนคู่ต่อสู้ยิงเข้ากรอบรวมกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
*สเปนถูกคู่ต่อสู้ยิงเข้ากรอบแค่ 12 ครั้งเท่านั้นในยูโรครั้งนี้ โดยครึ่งหนึ่งเป็นผลงานของอิตาลีจากการพบกันในนัดแรก
*สเปนมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลเหนือกว่าคู่ต่อสู้มาตลอดทั้ง 7 นัดในฟุตบอลโลก 2010 และ 5 นัดในยูโรครั้งนี้ โดยเยอรมันเป็นทีมสุดท้ายที่ครองบอลได้มากกว่าพวกเขา ในนัดชิงชนะเลิศยูโร 2008
-อิตาลีและสเปนเป็นทีมที่มีโอกาสยิงประตูมากที่สุดในยูโรครั้งนี้คือ 99 และ 86 ครั้งตามลำดับ
-อิตาลีเป็นทีมที่โดนใบเหลืองมากที่สุดในยูโรครั้งนี้คือ 15 ใบ ส่วนสเปนโดนไป 10 ใบ
*อิตาลียังไม่แพ้ใครในการลงเตะแมตช์แข่งขันจริง 15 นัดภายใต้การคุมทีมของปรันเดลลี่ (ชนะ 10 เสมอ 5)
*นักเตะ 5 คนของสเปน ได้แก่ ชาบี้ เอร์นานเดซ, ชาบี้ อลอนโซ่, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า และเซร์คิโอ รามอส ต่างก็จ่ายบอลสำเร็จได้มากกว่าอันเดรีย ปิร์โล่ ซึ่งเป็นนักเตะที่จ่ายบอลสำเร็จสูงสุดของอิตาลี (320 ครั้ง)
* 2 ประตูของมาริโอ บาโลเตลลี่ในเกมกับเยอรมัน เท่ากับที่เขาทำได้ตลอด 12 นัดก่อนหน้านี้ที่ลงเล่นให้กับอิตาลีมา และเขาเป็นผู้ทำ 3 ประตูหลังสุดให้กับอิตาลีในยูโรครั้งนี้ด้วย
*บาโลเตลลี่เป็นนักเตะที่ยิงเข้ากรอบสูงสุดในยูโรครั้งนี้คือ 10 ครั้ง
*บาโลเตลลี่กลายเป็นนักเตะอิตาลีคนแรกที่ทำ 3 ประตูในยูโร
*จิอันลุยจิ บุฟฟ่อนลงเล่นในทัวร์นาเมนต์หลักมาแล้ว 24 นัด เทียบเท่าสถิติสูงสุดของอิตาลีที่ดิโน่ ซอฟฟ์ทำไว้ แต่เขายังตามหลังอิเคร์ กาซิยาสของสเปน ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติสูงสุด 28 นัดอยู่
*อันเดรียส อิเนียสต้าเป็นนักเตะที่ยิงเข้ากรอบสูงสุดโดยไม่เป็นประตูเลยในยูโร นับตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา (11 ครั้ง)

สรุปดาวซัลโว ยูโร 2012



สรุปอันดับดาวซัลโว 
3 ประตู :3 ประตู : เฟร์นานโด ตอร์เรส (สเปน), มาริโอ บาโลเตลลี่ (อิตาลี), อลัน ซาโกเยฟ (รัสเซีย), มาริโอ โกเมซ (เยอรมนี), มาริโอ มันด์ซูคิช (โครเอเชีย), คริสติอาโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) 
2 ประตู : อังเดร เชฟเชนโก้ (ยูเครน), วาคลาฟ ปิลาร์ (สาธารณรัฐเช็ก), นิคลาส เบนด์ทเนอร์ (เดนมาร์ก), เชส ฟาเบรกาส (สเปน), ชาบี อลอนโซ่ (สเปน),ดาบิด ซิลบา (สเปน), ปีเตอร์ ยิราเซ็ค (สาธารณรัฐเช็ก)ไมเคิ่ล ครอห์น-เดห์ลี่ (เดนมาร์ก), ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (สวีเดน), ดิมิทริส ซัลปิงกิดิส (กรีซ) 
1 ประตู : เวย์น รูนี่ย์ (อังกฤษ), แอนดี้ แคร์โรลล์ (อังกฤษ), แดนนี่ เวลเบ็ค (อังกฤษ), ธีโอ วัลค็อตต์ (อังกฤษ), โจลีออน เลสค็อตต์ (อังกฤษ), โอลอฟ เมลเบิร์ก (สวีเดน),เซบาสเตียน ลาร์สสัน (สวีเดน), ฌอน เซนต์. เล็ดเจอร์ (ไอร์แลนด์), โรมัน พาฟลิวเชนโก้ (รัสเซีย), นิกิก้า เยลาวิช (โครเอเชีย), ซาเมียร์ นาสรี่ (ฝรั่งเศส), เฌเรมี่ เมเนซ (ฝรั่งเศส), โยอันน์ กาบาย (ฝรั่งเศส), ธีโอฟานิส เกคัส (กรีซ), ซามาราส (กรีซ), จอร์จอส คารากูนิส (กรีซ), โรมัน ชิโรคอฟ (รัสเซีย), ยาคุบ บลาสช์ซีคอฟสกี้ (โปแลนด์), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โปแลนด์), เปเป้ (โปรตุเกส), เฮลเดอร์ ปอสติก้า (โปรตุเกส), ซิลแวสตร์ วาเรล่า (โปรตุเกส), ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท (ฮอลแลนด์), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (ฮอลแลนด์), เฆซุส นาบาส (สเปน), อัลบา (สเปน), มาต้า (สเปน), อันเดรีย ปีร์โล่ (อิตาลี), อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ (อิตาลี), อันโตนิโอ คาสซาโน่ (อิตาลี), ลูคัส โพดอลสกี้ (เยอรมนี), ลาร์ส เบนเดอร์ (เยอรมนี), ลาห์ม (เยอรมนี), เคห์ดิร่า (เยอรมนี), โคลเซ่ (เยอรมนี), รอยส์ (เยอรมนี), เมซุต โอซิล (เยอรมนี) 

ซุปเปอร์มารีโอ บาโลเตลลี เกรียนหรือเทพ



มารีโอ บาร์วูอา บาโลเตลลี (อิตาลีMario Barwuah Balotelliเสียงอ่านภาษาอิตาลี: [ˈmaːrjo baloˈtɛlli])[3] เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1990 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอิตาลี เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวรุกให้กับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี[4][5] และฟุตบอลทีมชาติอิตาลี เมื่ออายุ 3 ปี เขาได้รับการอุปถัมป์จากฟรันเชสโก และซิลวีอา บาโลเตลลี หลังจากพ่อแม่เขาได้ร้องขอต่อบริการสังคมให้ช่วยเหลือมารีโอ เนื่องจากที่อยู่อาศัยคับแคบ หลังจากเขามีชื่อเสียงการเล่นฟุตบอลมากขึ้น พ่อแม่ที่แท้จริงของเขาร้องขอให้เขากลับมา แต่ต่อมาบาโลเตลลีออกมากล่าวว่า เขาต้องการผมกลับมาเพราะผมมีชื่อเสียงแล้ว และกล่าวว่า เขาเป็นพวก "ล่าชื่อเสียง"
เขาเริ่มอาชีพในฐานะนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรฟุตบอลลูเมซซาเน และได้เล่นในทีมชุดใหญ่เพียง 2 ครั้ง เขาเคยทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จากนั้นเขาร่วมกับอินเตอร์ มิลาน ในปี ค.ศ. 2007 โรแบร์โต มันชีนีนำเขาเข้าทีมชุดใหญ่ แต่พอมันชีนีออกจากทีมไป วินัยของบาโลเตลลีก็แย่ลง บาโลเตลลีไม่ลงรอยกับ โชเซ มูรีนโย และในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 เขาถูกพักออกไปจากทีมชุดใหญ่หลังมีปัญหาด้านวินัย ปัญหาเริ่มมากขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 เมื่อเขาถูกวิจารณ์อย่างหนักจากแฟนอินเตอร์มิลาน เมื่อเขาออกรายการโทรทัศน์อิตาลีที่ชื่อ Striscia la Notizia โดยสวมเสื้อทีมเอซี มิลาน สถานการณ์ในทีมของเขายังแย่ลงเรื่อย ๆ แต่ถึงยังไง เขาก็ยังได้ลงสนามเป็นครั้งคราว และสถานการณ์ก็มาเลวร้ายสุด ๆ เมื่อเขาโยนชุดอินเตอร์ มิลานลงบนพื้น หลังจากถูกแฟนบอลโห่ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในรอบรองชนะเลิศที่เสมอกับบาร์เซโลนา
เมื่ออนาคตค้าแข้งที่ไม่แน่นอนในอินเตอร์ มิลาน ก็เป็น โรแบร์โต มันชีนี อดีตเจ้านายเก่าของเขา ที่เป็นคนนำเขาไปสู่ประสบการณ์และบรรยากาศใหม่ ๆ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ในอังกฤษ
จากประวัติข้างตนของ ซุปเปอร์มารีโอ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาคือ Badboy คนนึงในวงการฟุตบอล แต่ด้วยฟอร์มการเล่น ในนามทีมชาติ อิตาลี แล้วเขาคือ ศูนย์หน้าเบอร์หนึ่ง จากผลงานกระหน่ำไปแล้ว 3 ประตู ในทัวร์นาเม้นท์ ยูโร 2012 จนพาทีมเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ พบกับทีมชาติสเปน ด้วยลูกยิงอันทรงพลังที่เขี่ยทีมชาติเยอรมันตกรอบมาแล้ว และในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้เราจะได้รู้กันว่า ซุปเปอร์มารีโอ นั้นจะเทพหรือเกรียน 

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คริสเตียโน โรนัลโด ตัวความหวังของโปรตุเกส

คริสเตียโน โรนัลโด (โปรตุเกสCristiano Ronaldo) ชื่อเต็มว่า กริชเตียนู รูนัลดู ดูช ซังตูช อาไวรู (โปรตุเกสCristiano Ronaldo dos Santos Aveiro) เป็นนักฟุตบอล ชาวโปรตุเกส ปัจจุบันสังกัดสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด สวมเสื้อ หมายเลข 7 และย้ายไปด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 ครั้งนี้ เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาคือ คีย์แมน ผู้นำพาทีมชาติโปรตุเกส เข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย ด้วยฟอร์มการเล่น สุดร้อนแรง หลังซัลโวไปแล้ว 3 ประตู จาก การเหมาคนเดียว 2 ประตู นัดเจอ ฮอลแลนด์ และลูกโขกพิฆาต นาทีที่ 74 เขี่ยสาธารณรัฐเช็คตกรอบ หากยังโชว์ฟอร์มแบบนี้ตลอดทัวนาเม้นเราคงได้เห็น โปรตุเกส ฉลองแชมป์เป็นครั้งแรกก็เป็นได้

                                                                                               JACKER


วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สรุปผลบอล ยูโร 2012 ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มถึงรอบชิงชนะเลิศ

สรุปผลบอล ยูโร 2012 
รอบแบ่งกลุ่ม 
กลุ่ม เอ 
วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน 
23:00 น. โปแลนด์ 1-1 กรีซ 
ประตู : 1-0 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ น.17, 1-1 ดิมิทริส ซาลพินกิดิส น.51 

01:45 น. รัสเซีย 4-1 สาธารณรัฐเช็ก 
ประตู : 1-0 อลัน ซาโกเยฟ น.15, 2-0 โรมัน ชิโรคอฟ น.24, 2-1 วาคลาฟ พิลาร์ น.52, 3-1อลัน ซาโกเยฟ น.79, 4-1 โรมัน พาฟลิวเชนโก้ น .82 

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน 
23:00 น.กรีซ 1-2 สาธารณรัฐเช็ก 
ประตู : 0-1 ยิราเซค น.3, 0-2 พิลาร์ น.6, 1-2 เกคาส น.53 

01:45 น. โปแลนด์ 1-1 รัสเซีย 
ประตู: 0-1 อลัน ซาโกเยฟ น.37,1-1 ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ น.57 

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน 
01:45 น. กรีซ - รัสเซีย 
ประตู: 1-0 จอร์จอส คารากูนิส น.45 

01:45 น. สาธารณรัฐเช็ก - โปแลนด์ 
ประตู : 1-0 ยิราเซ็ค น.71 

กลุ่ม บี 
วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 
23:00 น. ฮอลแลนด์ 0-1 เดนมาร์ก 
ประตู : 0-1 มิเชล โครห์น-เดห์ลี่ น.24 

01:45 น. เยอรมนี 1-0 โปรตุเกส 
ประตู : 1-0 มาริโอ โกเมซ น.72 

วันพุธที่ 13 มิถุนายน 
23:00 น.เดนมาร์ก 2-3 โปรตุเกส 
ประตู : 0-1 เปเป้ น.24, 0-2 ปอสติก้า น.36, 1-2 เบนด์เนอร์ น.41, 2-2 เบนด์เนอร์ น.80, 2-3 วาเรล่า น.87 

01:45 น. ฮอลแลนด์ 1-2 เยอรมนี 
ประตู : 0-1 มาริโอ โกเมซ น.24, 0-2 มาริโอ โกเมซ น.38, 1-2 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ น.72 

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน 
01:45 น. เดนมาร์ก 1-2 เยอรมนี 
ประตู : 0-1 ลูคัส โพดอลสกี้ น.19, 1-1 ไมเคิ่ล ครอห์น เดห์ลี่ น.24, 1-2 ลาร์ส เบนเดอร์ น.80 

01:45 น. โปรตุเกส 2-1 ฮอลแลนด์ 
ประตู : 0-1 ฟาน เดอร์ ฟาร์ท น.11, 1-1 โรนัลโด้ น.28, 2-1 โรนัลโด้ น.74 

กลุ่ม ซี 
วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน 
23:00 น. สเปน 1-1 อิตาลี 
ประตู: 0-1 อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ น.60,1-1 เชสก์ ฟาเบรกัส น.64 

01:45 น. สาธารณรัฐไอร์แลนด์ 1- 3 โครเอเชีย 
ประตู : 0-1 มาริโอ มานด์ซูกิซ น.3, 1-1 ฌอน เซนต์ เล็ดเจอร์ น.19, 1-2 นิกิก้า เยลาวิช น.43, 1-3 มาริโอ มานด์ซูกิซ น.49 

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 
23:00 น.อิตาลี 1-2 โครเอเชีย 
ประตู : 1-0 ปีร์โล่ น.39, 1-1 มันซูกิช น.72 

01:45 น. สเปน 4-0 สาธารณรัฐไอร์แลนด์ 
ประตู: 1-0 เฟร์นานโด ตอร์เรส น.4,2-0 ดาบิด ซิลบา น.49,3-0 เฟร์นานโด ตอร์เรส น.70,4-0 เชสก์ ฟาเบรกัส น.83 

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 
01:45 น. โครเอเชีย 0-1 สเปน 
ประตู : 0-1 นาบาส น.88 

01:45 น. อิตาลี 2-0 สาธารณรัฐไอร์แลนด์ 
ประตู: 1-0 อันโตนิโอ คาสซาโน่ น.35,2-0 มาริโอ บาโลเตลลี่ น.90 

กลุ่ม ดี 
วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน 
23:00 น. ฝรั่งเศส - อังกฤษ 
ประตู : 0-1 โจลีออน เลสค็อตต์ น.30, 1-1 ซาเมียร์ นาสรี่ น.39 

01:45 น. ยูเครน 2-1 สวีเดน 
ประตู: 0-1 ซลาตัน อิบราฮิโมวิช น.52,1-1 อังเดร เชฟเชนโก้ น.55,2-1 อังเดร เชฟเชนโก้ น.62 

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 
23:00 น. ยูเครน - ฝรั่งเศส 
ประตู : 0-1 เฌเรมี่ เมเนซ น.53, 0-2 โยอันน์ กาบาย น.56 

01:45 น. สวีเดน - อังกฤษ 
ประตู : 0-1 แคร์โรลล์ น.23, 1-1 จอห์นสัน(O.G.) น.49, 2-1 เมลเบิร์ก น.59, 2-2 วัลค็อตต์ น.64, 2-3 เวลเบ็ค น.78 

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน 
01:45 น. สวีเดน 2-0 ฝรั่งเศส 
ประตู : 1-0 อิบราฮิโมวิช น.54, 2-0 ลาร์สสัน น.89 

01:45 น. อังกฤษ1-0 ยูเครน 
ประตู : 1-0 รูนี่ย์ น.48 

รอบก่อนรองชนะเลิศ 
วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน 
01:45 น. 1. สาธารณรัฐเช็ก 0-1 โปรตุเกส 
ประตู: 0-1 คริสติอาโน่ โรนัลโด้ น.79 

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน 
01:45 น. 2. เยอรมนี 4-2 กรีซ 
ประตู : 1-0 ลาห์ม น.38, 1-1 ซามาราส น.55, 2-1 เคห์ดิร่า น.61, 3-1 โคลเซ่ น.68, 4-1 รอยส์ น.74, 4-2 ซาลพินกิดิส(จุดโทษ) น.89 

วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 
01:45 น. 3. สเปน 2-0 ฝรั่งเศส 
ประตู : 1-0 ชาบี อลอนโซ่ น.19, 2-0 ชาบี อลอนโซ่ (จุดโทษ น.90+1) 

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน 
01:45 น. 4. อังกฤษ 0-0 อิตาลี 
(จบ 120 นาทีเสมอกัน 0-0 อิตาลีเอาชนะด้วยการดวลจุดโทษ 4-2) 


รอบรองชนะเลิศ 
วันพุธที่ 27 มิถุนายน 
01:45 น. โปรตุเกส 0-0 สเปน 
(ครบ 120 นาทีเสมอกัน 0-0 สเปนเอาชนะจุดโทษ 4-2) 

วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน 
01:45 น. เยอรมนี 1-2 อิตาลี 
ประตู : 0-1 บาโลเตลลี่ น.20, 2-0 บาโลเตลลี่ น.36, 2-1 โอซีล(จุดโทษ) น.90+2 

01:45 น. รอบชิงชนะเลิศ แข่งขันวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 
สเปน - อิตาลี
สเปน 4-0 อิตาลี 
ประตู : 1-0 ซิลบา น.14, 2-0 อัลบา น.41, 3-0 ตอร์เรส น.84, 4-0 มาต้า น.88